สามก๊ก ตอนกวนอูไปรับราชการกับโจโฉ
ผู้แต่ง : เจ้าพระยาพระคลัง (หน) อำนวยการแปล
ลักษณะคำประพันธ์ : ร้อยแก้ว ประเภท ความเรียงเรื่องนิทาน
จุดประสงค์ในการแต่ง : เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับอุบายการเมืองและการสงคราม
ประวัติผู้แต่ง : เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เกิดในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ และถึงอสัญกรรมเมื่อปี พ.ศ.2348 ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้า กรุงธนบุรี ได้รับราชการเป็นหลวงสรวิชิต ในสมัยรัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพระยาพิพัฒน์โกษาและเป็นเจ้าพระยาพระคลัง เจ้าพระยาพระคลัง (หน) มีความสามารถด้านการประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองงานประพันธ์ ที่สำคัญ ได้แก่ ราชาธิราช สามก๊ก ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก (กัณฑ์กุมารและกัณฑ์มัทรี) บทมโหรีเรื่องกากี ลิลิตเพชรมงกุฎ และอิเหนาคำฉันท์
ที่มาของเรื่อง :
จดหมายเหตุเรื่อง สามก๊ก เรียกว่า “สามก๊กจี่” ตันซิ่ว เป็นผู้บันทึก ในสมัยราชวงศ์จิ้น (ปลายพุทธศตวรรษที่ 9) แบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 เรื่อง คือ จดหมายเหตุก๊กวุ่ย (วุ่ยก๊ก) จดหมายเหตุก๊กจ๊ก (จ๊กก๊ก) จดหมายเหตุก๊กง่อ (ง่อก๊ก)
ต่อมาในต้นราชวงศ์เหม็ง (ต้นพุทธศตวรรษที่ 21) หลอกว้านจง (ล่อกวนตง) ได้นำเอาจดหมายเหตุของตัวซิ่ว มาแต่งให้สนุกสนาน เรียกว่า “สามก๊กจี่ทงซกเอี้ยนหงี” หมายความว่า จดหมายเหตุสามก๊กสำหรับ สามัญชน เริ่มเหตุการณ์ตั้งแต่รัชกาล พระเจ้าเลนเต้ ไปจนถึงรัชกาล พระเจ้าจิ้นบู๊เต้สุมาเอี๋ยน
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระราชดำรัสสั่งให้แปลพงศาวดารจีนเป็นภาษาไทย 2 เรื่อง คือ ไซ่ฮั่น และสามก๊ก (พ.ศ.2345) เดิมเป็นหนังสือจำนวน 95 เล่มสมุดไทย เมื่อนำมาพิมพ์มีจำนวน 4 เล่ม สมุดฝรั่ง สำนวนที่นำมาพิมพ์ครั้งแรกที่โรงพิมพ์หมอบรัดเลย์ มิชชันนารีอเมริกัน เป็นสำนวนที่ได้สอบกับต้นฉบับของ สมเด็จเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ และพิมพ์ออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2408 ในสมัย รัชกาลที่ 4
สาระสำคัญของเรื่อง :
โจโฉปรึกษาราชการทัพกับเทียหยก เรื่องยกทัพไปรบกับเล่าปี่ ที่เมืองซีจิ๋ว แต่กลัวว่า อ้วนเสียว จะตีเมือง ฮูโต๋ กุยแกเห็นว่าควรจัดทัพไปตีเมืองซีจิ๋วก่อน ซุนเซียนนำข่าวไปแจ้งกวนอูที่เมืองแห้ฝือ แจ้งแก่ เล่าปี่ที่เมืองเสียวพ่าย เล่าปี่ขอความช่วยเหลือจากอ้วนเสี้ยวแต่ไม่สำเร็จ
เตียวหุยยกกองทหารออกมาปล้นค่ายโจโฉถูกกลศึกพ่ายแพ้ เล่าปี่เข้าไปขอความช่วยเหลือจากอ้วนเสี้ยว ที่เมืองกิจิ๋ว โจโฉเข้าตีเอาเมืองเสียพ่ายได้และยกกองทัพไปตีเมืองซีจิ๋ว กวนอูมีฝีมือกล้าหาญชำนาญ ในการสงครามโจโฉอยากชุบเลี้ยงไว้เป็นกำลังทัพ
เตียวเลี้ยวอาสาไปเกลี้ยกล่อม ในที่สุดกวนอูจำเป็นต้องยอมไปอยู่กับโจโฉ โดยมีข้อเสนอ 3 ข้อ คือ
- ขอเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้
- ขอพระราชทานเบี้ยหวัดของเล่าปี่ แก่ภรรยาของเล่าปี่ทั้งสองคน (นางเกาฮุหยินและนางบิฮูหยิน) ห้ามผู้ใดเข้าออกถึงประตูที่อยู่ได้
- ถ้าพบเล่าปี่ ก็จะกลับไปอยู่กับเล่าปี่ เพราะสาบานเป็นพี่น้องกัน
กวนอูเป็นผู้มีความซื่อสัตย์กตัญญู ถ้ายังไม่ได้ทดแทนคุณโจโฉ ก็จะต้องอยู่กับโจโฉต่อไป
ความรู้ประกอบเรื่อง :
- เรื่องสามก๊กเป็นเรื่องที่แผ่นดินจีนแบ่งออกเป็น สามก๊กใหญ่ๆ นับตั้งแต่สมัยพระเจ้าเลนเต้กษัตริย์ราชวงศ์ฮั่น ครองราชย์สมบัติ เมื่อ พ.ศ.711 พระเจ้าเลนเต้เป็นกษัตริย์ที่ปกครองบ้านเมืองด้วยความอ่อนแอ บ้านเมืองเกิดวิกฤตจลาจล ต่อมาราชสมบัติตกอยู่กับพระเจ้าเหี้ยนเต้ราชบุตร มีตั๋งโต๊ะและต่อมาโจโฉเป็นเซียงก๊ก เป็นมหาอุปราชดูแลการงานของแผ่นดิน เล่าปี่เชื้อสายราชวงศ์ฮั่น ครองแคว้นเสฉวน มีขงเบ้งเป็นที่ปรึกษา ซุนกวนอยู่เมืองกังตั๋งหัวเมืองทางทิศตะวันออก แผ่นดินจีนจึงแยกเป็นสามก๊กดังนี้
- โจโฉ มีลูกคือ โจผี ราชวงศ์วุ่ย (วุ่ยก๊ก) อยู่เมืองหลวง
- เล่าปี่ มีลูกคือ อาเต๊า ราชวงศ์ฮั่น (จ๊กก๊ก) อยู่เมืองเสฉวน
- ซุนกวน ราชวงศ์ง่อ (ง่อก๊ก) อยู่เมืองวังตั๋ง
- เรื่องสามก๊กเป็นวรรณกรรมประเภทนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ คือมีเค้าเรื่องเดิมมาจากเหตุการณ์ และตัวละครที่มีชีวิตจริงในประวัติศาสตร์ แล้วมีการแต่งเติมให้พิสดารขึ้น ในที่สุดมีนักเขียนฝีมือดี เรียบเรียง ให้เป็นวรรณกรรมที่สำนวนภาษาดี จึงมีคนติดใจแล้วแพร่หลายกันไปในหมู่นักอ่าน
- หนังสือเรื่องสามก๊ก นักวรรณคดีไทยถือเป็นคู่กันกับหนังสือราชาธิราช แต่ผิดกันที่เรื่องสามก๊กนั้น ชนชาวจีนรับว่าเป็นเรื่องแต่ง แต่เรื่องราชาธิราช ชาวรามัญถือว่าเป็นพงศาวดารมอญ หนังสือสองเรื่องนี้ มีคุณสมบัติเหมือนกันคือ เป็นหนังสือที่มีสำนวนร้อยแก้วดีเสมอกัน คือ ดีในทางบรรยายและในการดำเนินเรื่อง การผูกบทสนทนา กลอุบายในการทำศึกทำให้เนื้อเรื่องสนุกสนานชวนติดตาม
- สำนวนร้อยแก้วของหนังสือเรื่องสามก๊กและเรื่องราชาธิราช ได้มีผู้ถือเป็นแบบฉบับในการเรียบเรียงแปลจากนิยายจีนต่อมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 7 ต่อมาจึงมีผู้แปลเปลี่ยนสำนวนไปดังที่เห็นในปัจจุบัน
- ศิลปะในการประพันธ์เรื่องสามก๊กอยู่ที่การดำเนินเรื่องให้ผู้อ่านตื่นเต้นไปกับเหตุการณ์อีกทั้งวิธีแสดงถึงลักษณะตัวละคร ใช้ถ้อยคำที่กล่าวถึงพฤติกรรมของตัวละคร ภาษาที่ใช้ สั้น กะทัดรัด เข้าใจง่าย แฝงคติธรรม ในการดำเนินชีวิต
- คุณสมบัติของกวนอู คือ คุณสมบัติของนักรบ ความซื่อตรง การรักษาความสัตย์และมีความกตัญญู
- วรรณคดีสโมสรในสมัยระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยกย่องให้เรื่องสามก๊กเป็นยอดของความเรียงนิทาน
ข้อคิดที่ได้รับ :
- การอ่านนิยายที่เป็นวรรณคดีมรดก จุดประสงค์สำคัญคือให้เห็นค่านิยมของบรรพบุรุษว่ามีแนวคิด ในเรื่องต่างๆอย่างไร เช่น ความประพฤติของตัวละคร เหมาะสมหรือไม่
- ความกตัญญู รักษาความสัตย์ และมีความซื่อตรง เป็นคุณธรรมที่สมควรได้รับการยกย่อง และนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
- การอ่านวรรณกรรมที่ดีจะช่วยยกระดับและพัฒนาจิตใจให้ดีงามไปด้วย
ลักษณะภาษาอันเป็นคำคมที่ควรคิด :
“แลเรื่องราวสามก๊กนี้เป็นธรรมดา แผ่นดินมีความสุขก็นานแล้ว ก็ได้เดือดร้อนแล้วก็มีความสุขเล่า แลกระจายกันออกเป็นแว่นแคว้นแดนประเทศของตัวแล้วก็กลับรวมเข้า แยกออกเป็นสามก๊ก แล้วก็รวมเข้าเป็นก๊กเดียวกัน ชื่อว่า เมืองไต้จีน”
“ซึ่งข้าพเจ้ามาหาท่านแต่ผู้เดียวนี้มีความอัปยศแก่คนทั้งปวงเป็นอันมาก ครั้งนี้ข้าพเจ้าจะกินน้ำสบถอยู่ทำการด้วยท่านกว่าจะสำเร็จ อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงจัดแจงเครื่องอุปโภคและเครื่องบริโภคให้เป็นอันมาก ทำนุบำรุงเล่าปี่ไว้ในเมืองกิจิ๋ว”
“ถึงมาตรว่าท่านจะได้ความลำบากก็อุปมาเหมือนหนึ่งลุยเพลิงอันลุกแลข้ามพระมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ก็จะลือชาปรากฏชื่อเสียงท่านไปภายหน้า ว่าเป็นชาติทหารมีใจสัตย์ซื่อกตัญญูต่อแผ่นดิน”
หัวหน้าก๊กสำคัญในเรื่องสามก๊ก :
- โจโฉ เดิมรับราชการเป็นทหาร เคยรบชนะโจรโพกผ้าเหลือง ครั้งหนึ่งตั๋งโต๊ะกำเริบมากถึงกับ ถอดพระเจ้าเลนเต้แล้วตั้งตนเป็นอัครเสนาบดี ประพฤติตนชั่วช้าเลวทราม โจโฉก็เลยอาสาเอากระบี่ซ่อนจะไปฆ่า แต่ทำไม่สำเร็จต้องหนี ตั๋งโต๊ะนั้นภายหลังถูกอ้องอุ้นกำจัดได้ โดยยกนางเตียวเสี้ยนให้ลิโป้ทหารเอกของ ตั๋งโต๊ะแล้วทำกลให้ตั๋งโต๊ะผิดใจกับลิโป้เรื่องเมีย ลิโป้เลยฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย ลิฉุย กุยกี พวกของตั๋งโต๊ะจะฆ่าอ้องอุ้น และบังคับ พระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ตั้งพวกตนให้เป็นใหญ่ พระเจ้าเหี้ยนเต้ต้องเสด็จหนี โจโฉได้ปราบลิฉุยกับกิกุย ได้ เลยได้เป็นเสนาบดีทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนปกครองเด็ดขาด จนคนเกลียดหัวเมืองกระด้างกระเดื่อง รบกัน ปราบกันอยู่นาน โจโฉปราบหัวเมืองต่างๆได้เป็นอันมาก แต่ที่ปราบไม่สำเร็จคือ ก๊กของซุนกวน กับก๊กเล่าปี่
- ซุนกวน เป็นเจ้าเมืองกังตั๋ง มีเมืองเล็กเมืองน้อยขึ้นอยู่มาก เป็นคนอยู่ในศีลธรรมซื่อตรง ปกครองประชาชนด้วยความยุติธรรม จึงมีสมัครพรรคพวกมากขึ้นตามลำดับ ก๊กซุนกวน เรียกว่า ง่อก๊ก
- เล่าปี่ เคยเป็นคนยากจนมาก่อน มีอาชีพทอเสื่อขายแต่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของราชวงศ์ฮั่น นิสัยดี น้ำใจอารี นอบน้อมถ่อมตน มีคนรักใคร่มาก เมื่อปราบโจรโพกผ้าเหลืองมีคนดีหลายคนมาเป็นพวก ได้แก่ กวนอู เตียวหุย จูล่ง เล่าปี่ทำศึกชนะบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่สามารถครองเมืองได้ถาวร ต้องเสียเมืองเสมอ ภายหลังได้ขงเบ้งมาเป็นที่ปรึกษา จึงได้ตั้งตัวเป็นมั่นคงได้ที่เมือง เสฉวน ก๊กเล่าปี่เรียกว่า จ๊กก๊ก
เหตุการณ์เปลี่ยนไปเมื่อโจโฉตาย โจผีตาย โจยอยผู้โอรส ขึ้นครองราชย์สมบัติ ทั้งสามก๊กต่อสู้รบกัน เรื่อยมา สุมาเจียวอุปราชวุยก๊กได้ปราบก๊กเล่าเสี้ยน(บุตรเล่าปี่) หรือจ๊กก๊ก
ต่อมา สุมาเอี๋ยน (บุตรสุมาเจียว) ถอดพระเจ้าโจฮวน ตั้งตนเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์จิ้น ได้ปราบง่อก๊ก คือ ก๊กซุนกวนได้ สามก๊กจึงเป็นก๊กเดียวกัน นับว่าได้ทำสงครามต่อเนื่องนานถึง 111 ปี จึงจะสามารถรวมประเทศจีนได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ความแพร่หลาย :
เรื่องสามก๊กนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เพราะมีผู้แปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย
- ภาษาญี่ปุ่น พ.ศ.2235
- ภาษาเกาหลี พ.ศ.2402
- ภาษาญวน (เวียดนาม) พ.ศ.2452
- ภาษาเขมร ไม่ทราบ พ.ศ.
- ภาษามลายู พ.ศ.2435
- ภาษาละติน ไม่ทราบ พ.ศ.
- ภาษาสเปน พ.ศ.2373
- ภาษาฝรั่งเศส พ.ศ.2388
- ภาษาอังกฤษ พ.ศ.2469
- ภาษาไทย พ.ศ.2345
คุณค่าของหนังสือเรื่องสามก๊ก :
1. ให้ความรู้เกี่ยวกับตำราพิชัยสงคราม ซึ่งมีค่าทางด้านยุทธวิธีในการสงครามให้ความรู้เกี่ยวกับปรัชญาคติธรรมในการดำรงชีวิต ทำให้ผู้อ่านฝึกฝนสติปัญญาความสามารถของตนให้เฉลียวฉลาด และนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี เช่น ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต่อเพื่อน ต่อประเทศชาติ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนตามที่ได้รับมอบหมาย เช่น
“คำโบราณกล่าวไว้ว่า ธรรมดาอุปมาเหมือนอย่างเสื้อผ้าขาดแลหายแล้วหาใหม่ได้ พี่น้องเหมือนแขนซ้ายขวา ขาดแล้วยากที่จะต่อได้”
“ธรรมดาเกิดมาเป็นมนุษย์ อันโรคและความตายจะกำหนดวันมิได้”
“ยาดีกินขมปากแต่เป็นประโยชน์แก่คนไข้ คนซื่อกล่าวคำไม่เพราะหูแต่เป็นประโยชน์แก่กาลภายหน้า”
2. มีสำนวนเฉพาะตัว นับว่าเป็นศิลปะในการแปลวรรณกรรมจากภาษาจีนที่เป็นตัวอย่างของการเขียนร้อยแก้วที่ดี ภาษาโบราณแต่ไม่ล้าสมัย เข้าใจได้จนถึงปัจจุบัน ภาษาง่าย กะทัดรัด สื่อความหมาย ความรู้สึก อารมณ์ความคิดได้ชัดเจน เช่น
“อ้องอุ้นจึงว่าวันนี้แผ่นดินร้อนทุกเส้นหญ้าเจ้าก็ย่อมแจ้งอยู่แล้ว พระเจ้าเหี้ยนเต้นั้นอุปมาดังฟองไก่ อันวางอยู่หน้าศิลา ขุนนางกับอาณาประชาราษฎร์นั้นอุปมาดังหยากเยื่ออันใกล้กองเพลิงมิได้รู้ว่าความหมาย จะมาถึงเมื่อใด”
3. มีอิทธิพลสำหรับวรรณคดียุคหลังๆทำให้เกิดสามก๊กมีหลายสำนวน ได้แก่
-
- สามก๊กฉบับวณิพก ของยาขอบ
- สามก๊กฉบับโจโฉนายกตลอดกาล ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
- สามก๊กฉบับร้านกาแฟ ของ นายหนหวย
- สามก๊กฉบับปริทัศน์ ของ เธียรชัย เอี่ยมวรเมธ
- อินไซด์สามก๊ก ของ อ.ร.ด.
- สามก๊กฉบับการ์ตูน สำหรับเยาวชน
4. สามก๊กมีอิทธิพลต่อความคิดและจินตนาการของสุนทรภู่ เช่น ในเรื่องพระอภัยมณี นางวาลีมีความ เฉลียวฉลาดวาจาคมคายเหมือนขงเบ้ง อุศเรนมี จุดจบ คือ กระอักโลหิต เหมือนจิวยี่
5. นำมาแสดงละครนอกเป็นตอนๆ เช่นอ้องอุ้นกำจัดตั๋งโต๊ะ ตอนจิวยี่กระอักโลหิต หลวงพัฒนพงศ์ภักดี (ทิม สุขยางค์) เป็นผู้นำมาแต่งและแสดงเป็นบทละครนอก และเป็นที่นิยมเป็นอย่างยิ่ง