ปัจจัยเสี่ยงของสังคมที่มีต่อการมีเพศสัมพันธ์
การมีเพศสัมพันธ์เกิดจากปัจจัยเสี่ยงของสังคม ทำให้เกิดปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน การสำส่อนทางเพศ การข่มขืน การล่วงละเมิดทางเพศ การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ การทำแท้งและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันมีหลายรูปแบ ทั้งที่เกิดจากพฤติกรรมของตัวเอง หรือสภาพแวดล้อมรอบตัวเรานั้น ซึ่งเราควรมีความเข้าใจและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นนั้น เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับตนเองในการใช้ชีวิตประจำวัน
สังคมปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้พฤติกรรม การดำเนินชีวิตของบุคคลเริ่มเปลี่ยนแปลง บางครั้งก็รับเอาวัฒนธรรมสมัยใหม่มาใช้ในชีวิตมากขึ้น เมื่อชีวิตมีความเปลี่ยนแปลง ก็ส่งผลให้ผู้คน สภาพจิตใจและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปด้วย เนื่องจากมีสิ่งเร้าและค่านิยมรูปแบบต่างๆ ให้เลือกปฏิบัติตามมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเหล่านี้อาจก่อให้เกิดปัจจัยเสี่ยงและความไม่ปลอดภัย ที่พบบ่อยในสังคมคือการมีเพศสัมพันธ์โดยปัจจัยเสี่ยงของสังคมที่มีต่อการมีเพศสัมพันธ์นั้น ขอยกตัวอย่างที่สามารถเห็นได้ชัดเจน ดังนี้
1.สถานที่พักอาศัย
ที่พักอาศัยเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งต่อการมีเพศสัมพันธ์ กรณีไม่ได้อยู่กับพ่อแม่สถานที่พักอาศัยมีหลายประเภท เช่น หอพัก อพาร์ตเมนต์ แฟลต คอนโดมิเนียม ห้องเช่า บ้านเช่า บ้านญาติ เป็นต้น ที่พักอาศัยในลักษณะหลากหลายดังกล่าวข้างต้นนี้ นับเป็นปัจจัยเสี่ยงของสังคมประการแรกที่ก่อให้เกิดโอกาสเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น ซึ่งพักอาศัยอยู่ห่างไกลสายตาของพ่อแม่หรือผู้ปกครอง
การเลือกแหล่งที่พักอาศัยเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องศึกษาให้รอบคอบเพื่อดูความปลอดภัยว่าสถานที่พัก หรือบริเวณรอบๆที่พัก สภาพแวดล้อม การเดินเข้า-ออก หรือกรณีอื่นๆ มีความปลอดภัย ไม่เป็นแหล่งมั่วสุม มีกลุ่มวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อความปลอดภัยในรูปแบบต่างๆ มีสภาพแวดล้อมหรือบริเวณที่พักเปลี่ยว รกร้างไม่ค่อยมีผู้คนอาศัย ลักษณะต่างๆ เหล่านี้ควรนำมาพิจารณาในการเลือกสถานที่พักอาศัย โดยที่พักอาศัยที่มีความปลอดภัยเหมาะสมกับการอยู่อาศัย มีลักษณะดังต่อไปนี้
1.สถานที่สะอาด รอบๆ บริเวณโปร่ง โล่ง ไม่เป็นป่ารกทึบ หรือมีสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม
2.มียามรักษาความปลอดภัย
3.การเดินทางสะดวก ซอยไม่เปลี่ยว
4.ไม่เป็นแหล่งมั่วสุมหรือมีกลุ่มวัยรุ่นนักเลง อันธพาล มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อความปลอดภัย
5.มีบุคคลอาศัยอยู่ทุกหลังคาเรือน ไม่รกร้าง ไม่เสื่อมโทรม
2. การเที่ยวกลางคืน
สถานที่เที่ยวกลางคืน มีหลายรูปแบบ เช่น บาร์ สวนอาหาร ไนต์คลับ ผับ อาราโอเกะ เป็นต้น สถานที่ดังกล่าวถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับวัยของนักเรียน โดยเฉพาะบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ควรเข้าไปเที่ยวในสถานเริงรมย์เหล่านี้เพราะผิดกฎหมาย
สำหรับการเที่ยวหรือไปงานปาร์ตี้ งานเลี้ยงสังสรรค์ ซึ่งส่วนใหญ่จะจัดในเวลากลางคืนย่อมถือเป็นปัจจัยเสี่ยงของสังคมที่มีอิทธิพลต่อการมีเพศสัมพันธ์ประการที่สองด้วย การจัดงานปาร์ตี้มีหลายรูปแบบ อาจจัดเลี้ยงฉลองวันเกิด สอบเสร็จ เรียนจบ สอบติด เพื่อพบปะสังสรรค์ พูดคุยรับประทานอาหาร การไปเที่ยวกลางคืนนั้นมีปัจจัยเสี่ยงจากการพบปะผู้คน การเดินทาง สภาพแวดล้อม รวมถึงลักษณะของงานหรือสถานที่ในการจัดงานก็มีความสำคัญด้วย ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัย และเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ดังนี้
1.งานเลี้ยงที่มีผู้คนมากมาย ซึ่งเราไม่อาจรู้จักหมดทุกคน ทำให้ไม่รู้ว่าใครเป็นอย่างไร
2.สถานที่จัดงานที่มีการมั่วสุม เป็นห้องทึบ มืดมากเกินไป
3.การเดินทางในเวลากลางคืนเป็นอันตราย เนื่องจากมืด และมีคนเดินทางไม่มากนัก
4.เสี่ยงจากการรับประทานอาหารอาจถูกมอมยาในอาหารและเครื่องดื่มจากผู้ไม่หวังดี
5.มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้เมาหรือขาดสติ ควบคุมตัวเองไม่อยู่
6.การแต่งกายในการไปเที่ยว หรือไปงานเลี้ยง อาจล่อแหลม และดึงดูดความสนใจจากคนทั่วไป
ดังนั้น หากนักเรียนได้เรียนรู้ถึงปัจจัยเสี่ยงและความไม่ปลอดภัยดังกล่าวแล้ว ยังต้องการหรือมีความจำเป็นที่ต้องไปงานเลี้ยงสังสรรค์ประเภทต่างๆ ในเวลากลางคืน ก็ควรจะระมัดระวังตัว หรือ มีแนวทางในกลางเที่ยวกลางคืนอย่างปลอดภัย ดังนี้
1.พิจารณาว่าเป็นงานเลี้ยงเนื่องในโอกาสใด มีใครไปบ้าง
2.หาเพื่อนไปด้วย ไม่ควรไปคนเดียว
3.พิจารณาสถานที่จัดงาน ความเหมาะสมในการแต่งกาย ความสะดวกในการเดินทาง
4.ระมัดระวังในการรับประทานอาหาร และเครื่องดื่มประเภทต่างๆ โดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
5.บอกพ่อแม่ หรือผู้ปกครองก่อนทุกครั้ง ว่าจะไปไหนกับใคร
6.ไม่ควรกลับดึก หรือควรหาเพื่อนร่วมทางที่รู้จักและไว้ใจได้กลับบ้านด้วย
7.ไม่ควรไปเที่ยวต่อที่อื่นอีก
3.การเที่ยวต่างจังหวัด
การเที่ยวต่างจังหวัดเป็นกิจกรรมนันทนาการหรืองานอดิเรก เพื่อการพักผ่อนหรือคลายความเครียด อาจเป็นการสังสรรค์ระหว่างเพื่อนฝูง กิจกรรมระหว่างไปเที่ยวต่างจังหวัด ได้แก่ เข้าค่าย พักแรม เดินป่า ดูนก ตกปลา ถ่ายภาพ ปีนเขา ล่องแพ เที่ยวน้ำตก ทะเล ชมปะการัง เป็นต้น
การเที่ยวต่างจังหวัดเป็นปัจจัยเสี่ยงของสังคมที่มีต่อการมีเพศสัมพันธ์ประการที่สาม โดยมีลักษณะของความเสี่ยงเมื่อมองในเรื่องของการเดินทาง การพักอยู่อาศัย ซึ่งมักไปด้วยกันเพียงสองต่อสองทำให้เกิดความใกล้ชิดสนิทสนม รวมทั้งบรรยากาศที่อาจชวนให้เคลิ้ม ทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธได้ อาจก่อให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ตั้งใจได้ ไม่ว่าจะถูกหลอกลวงหรือเต็มใจก็ตาม ทำให้เกิดปัญหาขึ้นตามมาภายหลังได้ ดังนั้น จึงมีข้อเตือนใจในการไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยความปลอดภัยและสนุกสนาน ดังนี้
1.ควรบอกให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองทราบ
2.ควรชวนเพื่อนไปเที่ยวเป็นกลุ่มๆ และ อยู่ในกลุ่มเพื่อนเสมอไม่แยกตัวไปอยู่กันตามลำพังกับเพื่อนชายสองต่อสอง
3.มีความระมัดระวังไม่เหลวไหลเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศ
4.มีทักษะการปฏิเสธต่อสถานการณ์เสี่ยงจากการมีเพศสัมพันธ์
5.ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรพักค้างคืน ควรไปเช้ากลับเย็น จะเหมาะสมและปลอดภัยกว่า
4.วันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก
วันวาเลนไทน์เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของวัยรุ่น และเป็นปัจจัยเสี่ยงของสังคมต่อการมีเพศสัมพันธ์อย่างหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันวัยรุ่นได้รับเอาวัฒนธรรมและค่านิยมทางตะวันตกมายึดถือและปฏิบัติตาม โดยการแสดงออกของความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ในรูปแบบต่างๆ ในบางกรณีเกิดความไม่เหมาะสมกับสังคมหรือวัฒนธรรมที่มีอยู่ ดังนั้นจึงถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งส่วนใหญ่มีแนวคิดในกรณีเพศสัมพันธ์กับวันวาเลนไทน์ ดังนี้ (สวนดุสิตโพล: สถาบันราชภัฏสวนดุสิต)
1.วัยรุ่นให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มากน้อยเพียงใด
ร้อยละ 61.64ให้ความสำคัญปานกลาง (ชายร้อยละ 50.71,หญิงร้อยละ 66.53)
2.วัยรุ่นอยากฉลองวันวาเลนไทน์กับใครมากที่สุด
ร้อยละ 63.40 อยากฉลองกับแฟน/คนรัก (ชายร้อยละ 70.91,หญิงร้อยละ 60.00)
3.วัยรุ่นเลือกทำกิจกรรมใดเป็นพิเศษในวันวาเลนไทน์
ร้อยละ 35.61 ดูภาพยนตร์/ฟังเพลง (ชายร้อยละ 35.38,หญิงร้อยละ 35.71)
ร้อยละ 5.58 เที่ยวกลางคืน (ชายร้อยละ 9.06,หญิงร้อยละ 4.07)
ร้อยละ 3.72 เที่ยวต่างจังหวัด (ชายร้อยละ 2.92,หญิงร้อยละ 4.07)
4.วัยรุ่นคิดว่าวันวาเลนไทน์เอื้อต่อการมีเพศสัมพันธ์มากน้อยเพียงใด
ร้อยละ 50.95 คิดว่ามีส่วนอยู่บ้างที่เอื้อต่อการมีเพศสัมพันธ์ (ชายร้อยละ 47.39,หญิงร้อยละ 52.54)
ร้อยละ 11.57 คิดว่ามีวันวาเลนไทน์มีส่วนมากที่เอื้อต่อการมีเพศสัมพันธ์ (ชายร้อยละ 47.39,หญิงร้อยละ 52.54)
จากแนวคิดดังกล่าว วันวาเลนไทน์เป็นปัจจัยเสี่ยงประการหนึ่งต่อการมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้น นักเรียนจึงควรรู้จักหลีกเลี่ยงและป้องกันตนเองจากสถานการณ์เสี่ยงดังกล่าวจากข้อแนะนำ ดังนี้
1.ยึดมั่นและปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมที่ดีงามของไทย
2.นำทักษะการปฏิบัติมาใช้ป้องกันตนเอง หรือเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์
3.มีความระมัดระวัง มีสติ นึกถึงปัญหาที่จะตามมาภายหลัง รวมทั้งความรับผิดชอบต่อตนเองและครอบครัว
4.กำหนดขอบเขตความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทหรือคู่รักไว้อย่างชัดเจน
5.ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
5.สื่อเรื่องเพศ หรือสื่อลามก
ปัจจุบันสื่อที่นำเสนอเรื่องเพศมีมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งจัดเป็นปัจจัยเสี่ยงของสังคมที่มีต่อการมีเพศสัมพันธ์ประการที่ห้า ได้แก่
1.หนังสือหรือนิตยสารโป๊ ซึ่งมีภาพถ่ายของนางแบบชุดว่ายน้ำ โป๊เปลือยหรือหนังสือทั่วไปที่สอดแทรกเรื่องเพศ
2.หนังสือการ์ตูนบางเล่มที่มีภาพกอด จูบ และมีเพศสัมพันธ์
3.ซีดีและวีซีดี ที่มีเรื่องราวการแสดงกิจกรรมการมีเพศสัมพันธ์กันอย่างเปิดเผย
4.รายการโทรทัศน์ ที่มีการนำเสนอเรื่องบางส่วนในการแสดงออกเรื่องเพศ เช่น ภาพยนตร์ต่างประเทศ ละคร การ์ตูนญี่ปุ่น รายการเพลง เป็นต้น
5.เว็บไซต์โป๊ ซึ่งมีภาพประกอบหรือการขายวีซีดีที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ รวมทั้งโปรแกรมแชท ซึ่งสามารถใช้ติดต่อทำความรู้จักกันระหว่างชายและหญิง เกิดความสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว มีการนัดหมายเพื่อไปเที่ยวชวนไปมีเพศสัมพันธ์กัน (บางโปรแกรมผู้ร่วมสนทนาสามารถดูรูปร่างหน้าตาของกันและกันได้)
6.ป้ายโฆษณา เช่น แผ่นป้ายโฆษณาตามป้ายรถประจำทาง หรือป้ายโฆษณาตามศูนย์การค้าที่มีภาพของผู้หญิงในชุดชั้นใน เป็นต้น
จากสื่อดังกล่าวข้างต้นที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของสังคมต่อการมีเพศสัมพันธ์สามารถมีแนวทางวิเคราะห์และเลือกรับสื่อให้เกิดความปลอดภัยได้ดังนี้
1.รู้จักพิจารณาและวิเคราะห์ถึงประโยชน์และโทษของสื่อประเภทต่างๆ ก่อนเลือกใช้หรือรับข้อมูลจากสื่อนั้นๆ
2.เลือกใช้แต่เว็บไซต์หรืออ่านหนังสือที่มีประโยชน์
3.ไม่บอกที่อยู่หรือนัดพบกับคนแปลกหน้าที่รู้จักทางหนังสืออินเทอร์เน็ต
4.ขอคำแนะนำหรือความคิดเห็นถึงการเลือกรับและใช้สิ่งต่างๆ จากผู้อื่น เพื่อนำมุมมองในหลายๆ ด้านจากบุคคลอื่นมาพิจารณาเลือกใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเองมากที่สุด
6.สรุป
วัยรุ่นควรให้ความสนใจและตระหนักถึงอันตราย เมื่อมีความจำเป็นต้องเขข้าไปเกี่ยวข้องในสิ่งแวดล้อมที่มีโอกาสเสี่ยงทำให้เกิดความพลาดพลั้งต่อการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจได้ ดังนั้นจึงควรรู้จักศึกษาวิเคราะห์ และหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงของสังคมที่มีต่อการมีเพศสัมพันธ์ หากวัยรุ่นบางคนมีความจำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องก็ควรมีความเคารพตนเอง รู้จักหลีกเลี่ยงและมีทักษะการปฏิเสธ การเลือกเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย รวมทั้งการรู้จักระมัดระวังตัว จะช่วยให้ชีวิตมีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย